องค์กรของคุณเคยเจอปัญหาเหล่านี้ไหม?
เมื่อข้อมูลกลายเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการค้นหาและจัดการข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ
หากคุณกำลังเผชิญปัญหากับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เพิ่มขึ้นทุกวัน หรือการค้นหาข้อมูลสำคัญใช้เวลานาน Elasticsearch คือโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
ในการจัดการข้อมูลยุคดิจิทัล
ระบบภายในองค์กรที่ใช้งานอยู่ หากทุกอย่างทำงานได้ปกติดี ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสาเหตุมาจากไหน?
หรือที่แย่กว่านั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรที่ทำให้ระบบเกิดความผิดปกติ?
คำตอบเริ่มต้นมักอยู่ที่ "Logging" ซึ่งเป็นข้อมูลบันทึกการทำงานของระบบที่ช่วยให้เราตรวจสอบและวิเคราะห์ปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม ในองค์กรที่มีระบบขนาดใหญ่
หรือการใช้งานที่ซับซ้อน การจัดการ log จำนวนมหาศาลอาจกลายเป็นความท้าทาย
Elasticsearch คืออะไร? มารู้จักกับ Elasticsearch เครื่องมือค้นหาทรงพลังที่เร็วเหนือใคร
Elasticsearch เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจในยุคที่ข้อมูลมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจ ด้วยความสามารถในการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างแม่นยำและทันเวลา ไม่ว่าจะเป็นการติดตามผลการดำเนินงาน การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า
หรือการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบ Elasticsearch ยังช่วยลดต้นทุนในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและประมวลผลช่วยปรับปรุงประสบการณ์
ของลูกค้าและเสริมสร้างความพึงพอใจ นอกจากนี้ ระบบยังรองรับการขยายตัว (Scalability) และมีฟีเจอร์การตรวจสอบที่ช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจทำให้ Elasticsearch
เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวและประสิทธิภาพในยุคดิจิทัล
Elasticsearch เป็นเครื่องมือระบบจัดเก็บข้อมูลและค้นหาแบบกระจายตัว (Distributed Search and Analytics Engine) ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการข้อมูลขนาดใหญ่
ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยความเร็วในการทำงานของ Elasticsearch เกิดจากโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลที่ใช้แนวคิด Indexing และ Sharding
เพื่อการค้นหาและประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น Elasticsearch ยังเป็นส่วนหนึ่งของ ELK Stack ซึ่งรวมเอา Logstash และ Kibana มาช่วยในการประมวลผลและแสดงผลข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
ELK Stack จึงกลายเป็นโซลูชันครบวงจรสำหรับการจัดการข้อมูลในองค์กร
Indexing: ระบบจัดเก็บข้อมูลที่เร็วเหนือชั้น
เริ่มที่ Indexing คล้ายกับฐานข้อมูลที่ใช้จัดเก็บชุดข้อมูลเฉพาะ เช่น logs โดยแต่ละ index จะเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Document ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลพื้นฐาน
ใน Elasticsearch และจัดเก็บในรูปแบบ JSON
การสร้าง Index ช่วยเพิ่มความเร็วในการค้นหา เพราะข้อมูลถูกจัดเก็บในโครงสร้างที่เรียกว่า Inverted Index ซึ่งทำงานเหมือนดัชนีท้ายเล่มหนังสือที่จัดเก็บคำศัพท์
พร้อมบอกตำแหน่งที่ปรากฏในเอกสาร โดยโครงสร้างนี้ช่วยให้การค้นหาข้อมูลที่ตรงกับคำหรือคำสำคัญทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สมมติว่าเรา add document id 1, 2, 3 เพิ่มไปใน Elasticsearch ดังนี้
ถ้าเอามาทำ Inverted index จะได้หน้าตาออกมาในลักษณะเป็นแบบตัวอย่างด้านล่าง
Elasticsearch จะตรวจสอบจาก Inverted Index และพบว่าคำนี้อยู่ใน Document ID: 2 และ 3 โดยไม่จำเป็นต้องอ่านเอกสารทั้งหมดทีละหน้า
ด้วยวิธีนี้ Elasticsearch จึงสามารถค้นหาข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าการค้นหาปกติในเอกสารโดยตรง
Sharding: เพิ่มความสามารถในการขยายระบบ
ต่อมา Sharding คือการแบ่ง Index ออกเป็นส่วนย่อยๆ ที่เรียกว่า Shard โดยแต่ละ Shard จะถูกจัดเก็บและประมวลผลแยกกันใน Node ต่างๆ ภายใน Elasticsearch Cluster
ข้อดีของ Sharding:
- เพิ่มความเร็วในการค้นหา:
เมื่อมีการค้นหา Elasticsearch จะกระจายคำขอ (Request) ไปยัง Shard หลายตัวพร้อมกันแบบ Parallel จากนั้นรวบรวมผลลัพธ์จากทุก Shard มาประมวลผลรวมก่อนส่งกลับไปยังผู้ใช้ - ป้องกันข้อมูลสูญหาย:
Elasticsearch สามารถสร้างสำเนาของ Shard (เรียกว่า Replica Shard) เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญหายของข้อมูล
รองรับการขยายระบบ (Scalability)
สามารถเพิ่มจำนวน Primary Shard หรือ Replica Shard เพื่อรองรับปริมาณข้อมูลและคำขอที่เพิ่มขึ้นได้ ทำให้ระบบขยายตัวได้โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพ
ต่อมา Sharding คือการแบ่ง Index ออกเป็นส่วนย่อยๆ ที่เรียกว่า Shard โดยแต่ละ Shard จะถูกจัดเก็บและประมวลผลแยกกันใน Node ต่างๆ ภายใน Elasticsearch Cluster
ก่อนทำ sharding
หลังทำ sharding + Replica shard
เมื่อเราค้นหาคำว่า “dog”, ระบบจะกระจาย Request ไปยังทุก Node และทุก Shard ใน Cluster พร้อมกัน เนื่องจาก Elasticsearch ใช้ Inverted Index ในการจัดเก็บข้อมูล
คำค้นหาไม่จำเป็นต้องไล่ตรวจสอบข้อมูลภายในทุกเอกสารทีละตัว แต่สามารถค้นหาได้โดยตรงจาก Inverted Index ซึ่งช่วยลดเวลาในการประมวลผล
เมื่อ Shard ใดพบผลลัพธ์ที่ตรงกับคำค้น ระบบจะรวบรวมผลลัพธ์จากทุก Shard, จัดเรียงข้อมูล, และส่งผลลัพธ์กลับไปยังผู้ใช้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตามภาพด้านล่าง
ในระบบที่มี Log จำนวนมาก การใช้ Indexing และ Sharding จะช่วยเพิ่มความเร็วในการค้นหา เพราะเหมือนกับการมีจุด Checkpoint หลายๆ จุดที่ช่วยให้การค้นหาทำได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระบบ ELK Stack: โซลูชันครบวงจร
จากที่ได้กล่าวถึง Elasticsearch คืออะไร และมีโครงสร้างการเก็บข้อมูลอย่างไรแล้ว ต่อไปเราจะมาพูดถึงการนำ Elasticsearch ไปใช้งานจริงกัน
- Elasticsearch ทำหน้าที่เก็บข้อมูลหลักของระบบ โดยยิ่งเก็บข้อมูลมากเท่าไหร่ ก็ต้องเพิ่มเครื่อง Elasticsearch ให้รองรับข้อมูลที่มากขึ้น
- Logstash ช่วยปรับแต่งข้อมูลจากต้นทางและประมวลผลข้อมูลก่อนส่งเข้าไปเก็บใน Elasticsearch (เป็น data processing pipeline) เช่น Logstash pipeline
สามารถเพิ่ม metadata ลงใน log เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นทาง - Kibana เป็นเครื่องมือสำหรับการแสดงผลข้อมูลจาก Elasticsearch ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ผ่าน GUI โดยสามารถสร้างแดชบอร์ดเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
และตั้งการแจ้งเตือน (alert) เพื่อช่วยในการติดตามและตรวจสอบข้อมูลได้สะดวกขึ้น
สรุปง่ายๆ คือ
- Elasticsearch เก็บและค้นหาข้อมูล
- Logstash ปรับแต่งและประมวลผลข้อมูลก่อนส่งเข้า Elasticsearch
- Kibana แสดงข้อมูลจาก Elasticsearch ในรูปแบบกราฟเพื่อการวิเคราะห์
ตัวอย่างการใช้งาน Elasticsearch
- ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ค้นหาสินค้าในคลังสินค้าหรือแสดงผลลัพธ์การค้นหาที่แม่นยำให้ลูกค้า
- ภาคการเงินและธนาคาร ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมเพื่อตรวจจับความผิดปกติ
- การตรวจสอบระบบ IT วิเคราะห์ Log เพื่อระบุปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ
อีกส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ Elastic Agent คือเครื่องมือที่ใช้สำหรับรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ (เช่น logs, metrics) และส่งไปยัง Logstash
จากภาพด้านล่างตัว Elastic Agent จะถูกติดตั้งบนเครื่องต้นทาง
Elastic Agent เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น จุดเด่นคือช่วยลดความซับซ้อนในการติดตั้งและใช้งาน โดยแทนที่เราต้องติดตั้ง Beats หลายตัว เช่น
- Filebeat สำหรับเก็บ logs
- Metricbeat สำหรับเก็บ metrics
ด้วยการใช้ Elastic Agent ตัวเดียว คุณสามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งได้ง่ายขึ้นและส่งไปยัง Elastic Stack โดยไม่ต้องติดตั้งหลายเครื่องมือ ทำให้การจัดการระบบสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากภาพด้านล่างจะเห็นว่าทาง Elastic มี Integration ให้ใช้กว่า 400 ตัวซึ่งมีความครอบคลุม software ที่นิยมใช้กันทั่วไป เช่น nginx, apache, Kubernetes, kafka เป็นต้น การมี Integration เหล่านี้
ทำให้การติดตั้งและการเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทำได้ง่ายและสะดวก
และหากเรามี Elastic Agent หลายเครื่อง การจัดการ Elastic Agent ด้วย Fleet Server จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก
Fleet Server คือระบบจัดการแบบรวมศูนย์ (Centralized Management) สำหรับ Elastic Agent ซึ่งช่วยให้การดูแลและจัดการ Elastic Agent หลายเครื่องทำได้ง่ายขึ้น
โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าและจัดการทุกเครื่องผ่าน Fleet UI โดยไม่ต้องเข้าไปจัดการทีละเครื่อง ทำให้การดูแลระบบขนาดใหญ่สะดวกและลดความยุ่งยากในการจัดการ
อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยให้ Elastic Agent ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ Agent Policy ซึ่งเป็นการตั้งค่า (Configuration) ที่บอกให้ Elastic Agent รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง เช่น
- การติดตั้ง Integration ระบุว่า Elastic Agent จะต้องเก็บข้อมูลประเภทใด เช่น Logs, Metrics หรือข้อมูลอื่น ๆ
- การตั้งค่า Settings ระบุว่าจะเก็บข้อมูลจากแหล่งไหน เช่น กำหนด path ที่จะเก็บข้อมูล
- การส่งข้อมูล กำหนดว่าจะส่งข้อมูลไปที่ไหน เช่น ส่งตรงไปยัง Elasticsearch หรือส่งไปที่ Logstash ก่อน เพื่อปรับแต่งข้อมูล
Agent Policy ช่วยให้การจัดการ Elastic Agent หลายตัวทำได้ง่ายขึ้น โดยสามารถตั้งค่าและปรับแต่งการทำงานของทุกเครื่องจากที่เดียว
ไม่ต้องเข้าไปปรับแต่งทีละตัว ซึ่งช่วยลดเวลาและความยุ่งยากในการดูแลระบบ
จากภาพเป็นตัวอย่าง diagram การเชื่อมต่อ Elastic Agent, Fleet Server และ การรับส่ง Policy
ตัวอย่างเช่น หากต้องการติดตามการทำงานของเครื่องที่ใช้งาน MongoDB สามารถสร้าง Agent Policy ที่มี MongoDB Integration ผ่าน Fleet UI บน Kibana และทำการ Deploy Elastic Agent
ลงในเครื่องปลายทางเพื่อเริ่มเก็บข้อมูลและตรวจสอบประสิทธิภาพได้ทันที
เริ่มต้นใช้งาน Elasticsearch กับ Sirisoft
Elasticsearch เหมาะกับธุรกิจที่ต้องจัดการข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง เช่น Logs, Metrics หรือข้อมูลสำคัญทางธุรกิจ ช่วยให้คุณค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
เพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ และนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล
ทั้งหมดนี้การใช้งาน Elasticsearch ช่วยให้การติดตามและวิเคราะห์ระบบเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเครื่องมือที่ตอบโจทย์ในการจัดการข้อมูล
จากหลายแหล่ง เช่น logs, metrics, และ ข้อมูลทางธุรกิจ ช่วยให้สามารถค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจมีความแม่นยำและทันสมัย
หากคุณกำลังมองหาโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณจัดการข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น Sirisoft พร้อมให้บริการด้าน Infrastructure Optimization และ Digital Transformation
ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโซลูชันแบบ Microservices และ API Integration เราจะช่วยให้คุณนำ Elasticsearch ไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ธุรกิจในยุคดิจิทัล
เกี่ยวกับ Sirisoft
Sirisoft ผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศโดยใช้ DevOps Culture เป็นแนวคิดที่ช่วยพัฒนาและดูแลลูกค้าในรูปแบบสมัยใหม่
และให้บริการออกแบบพัฒนาซอฟต์แวร์โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ Microservices ในการพัฒนา พร้อมด้วยศักยภาพในการทำงาน
และการบริหารบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน High Code พร้อมให้บริการด้านเทคโนโลยีแบบ end-to-end ในเรื่องของInfrastructure Optimization และ Cyber Security
ไปจนถึง Digital Transformation ที่จะช่วยออกแบบซอฟต์แวร์และโครงสร้างระบบไอทีหลังบ้านคุณให้ตอบโจทย์ธุรกิจ เติบโตได้ไว ขยายได้ทันในทุกโอกาสของโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว